บอลเต็ง หรือ เรียกอีกอย่างว่าบอลเดี่ยว คือวิธีแทงบอลออนไลน์ที่ง่ายที่สุดและเชื่อว่าทุกคนรู้จักมากที่สุด วิธีการแทงบอลออนไลน์แบบบอลเต็ง คือการวางเดิมพันการแข่งขันฟุตบอลแบบคู่ต่อคู่ โดยผู้พนันต้องเลือกทีมฟุตบอลทีมใดทีมหนึ่งที่ตัวเองชอบ ซึ่งไม่ได้วัดจากการแพ้ชนะเพียงอย่างเดียว เพราะวิธีแทงบอลออนไลน์แบบบอลเต็ง ยังมีรูปแบบและรายละเอียดย่อยอื่นๆ เช่น
– วัดผลแพ้-ชนะ แบบมีราคาต่อรอง ซึ่งเราสามารถเลือกทีมฟุตบอลที่จะเดิมพันได้เพียงทีมเดียว
– วัดผลแพ้-ชนะ แบบไม่มีราคาต่อรอง ซึ่งวิธีแทงบอลออนไลน์แบบไม่มีราคาต่อรอง จะแบ่งเป็น 3 ตัวเลือก ได้แก่ เจ้าบ้านชนะ ทีมเยือนชนะ และเสมอกัน
– วัดผลจากการทำประตู โดยนำผลรวมประตูของ 2 ทีม มารวมกัน เดิมพันว่าผลรวมประตูนั้น สูงกว่าหรือต่ำกว่า เรียกว่าสูง-ต่ำ วิธีแทงบอลออนไลน์แบบนี้ ถือเป็นอีกประเภทที่ที่นิยมกัน
– วัดผลแพ้-ชนะ แบบมีราคาต่อรอง โดยสามารถเดิมพันได้ทั้งแบบเต็มเวลา หรือเลือกแทงเฉพาะช่วงเวลาแข่งขันในครึ่งแรก
วิธีแทงบอลออนไลน์อีกประเภทที่ผู้เล่นไม่ว่าจะหน้าใหม่หรือเซียนบอลต่างก็นิยม คือการแทงบอลที่เรียกว่าบอลสเต็ปหรือบอลชุด เป็นการแทงบอลแบบ Mix Parley หรือการทายผลแบบหลายคู่ ซึ่งจริงๆ แล้วการแทงบอลสเต็ปก็คล้ายๆ กับบอลเต็ง แต่เราสามารถเลือกทีมที่ต้องการเดิมพันได้หลายทีม โดยสามารถเลือกเดิมพันทีมฟุตบอลได้ทั้งหมดจากทุกคู่ที่เปิดเดิมพัน สาเหตุที่วิธีแทงบอลออนไลน์แบบสเต็ปได้รับความนิยม ก็เพราะเป็นวิธีแทงบอลออนไลน์ที่นักพนันสามารถลงทุนขั้นต่ำในจำนวนที่น้อย แต่รางวัลหรือผลตอบแทนนั้น เรียกได้ว่าสูงกว่าหลายเท่าตัวเลยทีเดียว ซึ่งโดยมีหลักการง่ายๆ นั่นก็คือ วิธีแทงบอลออนไลน์แบบบอลสเต็ปหรือบอลชุดนั้น จะต้องทายผลทีมที่ชนะมากกว่า 1 ทีมในแต่ละครั้งหรือแต่ละบิล แน่นอนว่าทำให้บอลสเต็ปนั้นเล่นยากกว่าบอลเต็ง แต่ถ้าเกิดว่าเดิมพันชนะ แน่นอนว่าก็จะได้เงินเยอะมากกว่าบอลเต็งหลายเท่า ซึ่งลักษณะการเดิมพันแบบนี้ถือว่าเป็นเสน่ห์ของการแทงบอลสเต็ปเลยทีเดียว โดยปกติแล้ว วิธีแทงบอลออนไลน์แบบสเต็ปจะต้องเดิมพันตั้งแต่ 3 คู่ขึ้นไป โดยบางเว็บไซต์สามารถแทง บอลสเต็ปได้สูงถึง 10 คู่ ซึ่งถ้านักพนันทายผลแพ้ชนะถูกครบทุกคู่ก็จะได้รับเงินรางวัลเป็นทวีคูณ แต่หากทายผิดแม้เพียง 1 คู่ ก็จะถือว่าบอลสเต็ปชุดนี้แพ้และต้องเสียเงินที่วางเดิมพันทันที
ราคาไหล เป็นอีก 1 ปัจจัย ที่นักพนันควรต้องศึกษา วิธีแทงบอลออนไลน์โดยอิงกับราคาไหลคืออะไร อย่างแรกเลยเราอยากให้ทุกคนสังเกตตัวเลขในแต่ละคู่การแข่งขัน จะมีตัวเลขราคาติดบวก (ไหลขึ้น) และราคาติดลบ (ไหลลง) โดย ราคาบอลไหล นี้ คือการแสดงการได้เปรียบเสียเปรียบหรือเปรียบเทียบคู่แข่งขันในแต่ละคู่ โดยจะเฉลี่ยค่าออกมาในรูปแบบเปอร์เซ็นต์ หากราคาไหลขึ้นแสดงว่าเว็บไซต์จะจ่ายเงินเดิมพันให้ผู้แทงมากขึ้น แต่หากราคาไหลลงก็แปลว่าเว็บไซต์จะจ่ายเงินเดิมพันให้ผู้เล่นน้อยลง ซึ่งวิธีแทงบอลออนไลน์แบบอิงราคาไหล จะต้องคอยสังเกตราคาไหลอยู่ตลอดเวลา เนื่องเพราะราคาจะไหลขึ้น-ลงอยู่เสมอตลอดช่วงเวลาการแข่งขัน
ราคาบอล หรือ อัตราต่อรองบอล ถือเป็นอีกข้อที่สำคัญมากสำหรับวิธีการแทงบอลออนไลน์ เป็นข้อที่ไม่ว่า จะนักพนันหน้าใหม่หน้าเก่าต่างก็ต้องรู้จักเป็นอย่างดี โดยจะแสดงผลเป็นตัวเลข ซึ่งแต่ละตัวเลขก็จะมี ความหมายที่แตกต่างกันไป หรือแม้แต่การเรียกก็จะมีความแตกต่างกันบ้าง ดังนี้
– ปป., 0-0.5 หรือ 0.25 หมายความว่า ทีมที่ต่อชนะ 1 ลูกขึ้นไปถือว่าได้เต็ม หากได้ผลเสมอ ทีมที่ต่อไว้ต้องเสียครึ่งหนึ่งของเงินที่พนันไว้ ส่วนฝั่งทีมที่แพ้ แน่นอนว่าเสียเต็มๆ
– ครึ่งลูก หรือ 0.5 หมายความว่า หากเราเลือกทีมต่อและชนะ เราจะได้เต็มๆ หากได้ผลเสมอหรือแพ้ก็จะเสียเต็ม
– ครึ่งควบลูก, 0.5-1 หรือ 0.75 หมายความว่า หากทีมต่อชนะ 1 ลูก จะได้เงินรางวัลครึ่งหนึ่ง และหากชนะเกิน 1 ลูก ก็จะได้เงินเดิมพันไปเต็มๆ
– ต่อ 1 ลูก หรือ 1.0 หมายความว่า หากทีมต่อที่เราเลือกชนะ 1 ลูก ก็จะถือว่าเสมอกัน แต่ถ้าชนะ 2 ลูกขึ้นไปก็จะได้เต็ม
– ลูกควบลูกครึ่ง, 1-1.5 หรือ 1.25 หมายความว่า หากทีมต่อชนะ 1 ลูก เท่ากับเสียเดิมพันครึ่งหนึ่ง ถ้าหากชนะ2 ลูกขึ้นไปก็จะได้เต็ม
– ลูกครึ่ง หรือ 1.5 หมายความว่า หากทีมที่ต่อชนะ 1 ลูก เราจะเสียเต็ม ต้องชนะ 2 ลูกถึงจะได้เต็ม
– ลูกครึ่งควบสอง, 1.5-2 หรือ 1.75 หมายความว่า หากทีมต่อชนะ 1 ลูกก็จะเสียเต็ม หากชนะ 2 ลูก ได้ครึ่งหนึ่ง ต้องชนะ 3 ลูกขึ้นไปเท่านั้นถึงจะได้เต็ม เป็นต้น